วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
คำถามที่สุลัยมานไม่กล้าตอบ!!!
อนึ่งบทความมิได้มีเจตนาจะวิภาษทุกๆส่วนของวีดีโอการเสวนาในครั้งนี้ หากแต่ต้องการจะชี้ให้เห็นถึงการหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามของคุณสุลัยมานในประเด็นของอัลกุรอาน ตลอดจนการบิดเบือนผู้ฟังถึงข้อเท็จจริงของการบิดเบือนอัลกุรอานของฝ่ายชีอะฮฺ
ในวีดีโอการเสวนาในครั้งนี้เกี่ยวกับประเด็นของอัลกุรอาน คุณสุลัยมานสรุปเอาว่า รายงานหรือริวายัติที่ระบุถึงการบิดเบือนในอัลกุรอานตามที่ปรากฎในตำราของชีอะฮฺนั้น หมายถึงการบิดเบือนในเชิงความหมาย หาใช่หมายถึงการบิดเบือนโดยการเพิ่มเติมอัลกุรอานเข้าไปใหม่ไม่ พร้อมกับได้ยกตัวอย่างในซูเราะฮฺอัศศอฟาที่เกี่ยวกับท่านนบีอิสมาอีล มาเป็นตัวอย่างแก่ผู้ฟัง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงตอนที่ท่านอาจารย์อะมีน เหมเสริม ของฝ่ายซุนนีได้ทำการยกหลักฐานจากตัฟซีรอัลกุมมี โดยการอ่านอายะฮฺกุรซี ที่ถูกระบุอยู่ในตำราของฝ่ายชีอะฮฺอย่างตัฟซีรอัลกุมมี ปรากฏพบว่าอายะฮฺกุรซี ในตัฟซีรอัลกุมมี นั้นผิดเพี้ยนและแตกต่างจากอัลกุรอานฉบับที่มุสลิมทั่วโลกเขาใช้กัน โดยมีการเพิ่มประโยคบางประโยคเข้าไป ซึ่งหากใครยังไม่เคยได้รับชมวีดีโอชิ้นนี้กรุณาดูให้เข้าใจเสียก่อน
จากวีดีโอที่ได้ยกมานี้เราจะพบว่า ท่านอาจารย์อะมีน ได้อ่านอายะฮฺกุรซี ในเวอร์ชั่นชีอะฮฺออกมา จากนั้นทีมงานชีอะฮฺผู้อัดวีดีโอชิ้นนี้ก็ได้แสดง ความเขลา ออกมาโดยการขึ้นตัวอักษรว่า "เกินจริงหรือ" ในวีดีโอชิ้นที่สอง และจากนั้นในวีดีโอชิ้นที่สาม เมื่อถึงคราวที่คุณสุไลมานต้องพูด คุณสุไลมานก็เฉไฉ ด้วยการอ้างว่าตอบเคลียหมดแล้ว อยู่ที่ท่านจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจต่างหาก โดยพยายามเลี่ยงไม่ตอบหลักฐานที่อาจารย์อะมีน นำมาอ่านให้ฟัง แล้วก็เปิดประเด็นเรื่องซอฮาบะฮฺเข้ามาแทน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงหลักฐานของท่านอาจารย์อะมีน นั้นเป็นหมัดเด็ดที่สำคัญที่มาล้มล้างคำอธิบายมักง่ายของคุณสุไลมานในตอนต้นที่ว่าอัลกุรอานนั้นบิดเบือนในเชิงความหมายเท่านั้น !!! เพราะหลักฐานที่ท่านอาจารย์อะมีนได้อ่านไปนั้นเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าการบิดเบือนอัลกุรอานตามที่ปรากฏอยู่ในตำราของลัทธิชีอะฮฺนั้นหมายถึงการบิดเบือน โดยการเพิ่มข้อความใหม่ๆเข้าไป หาใช่การบิดเบือนในเชิงความหมาย และเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าชีอะฮฺเชื่อว่าอัลกุรอานฉบับปัจจุบันไม่สมบูรณ์และชีอะฮฺใช้อัลกุรอานคนละเล่มกับซุนนีย์!!!!
สำหรับทีมงานชีอะฮฺผู้ทำวีดีโอชุดนนี้ออกมาปล่อยทางเว็บไซต์ ผมก็อยากจะกล่าวว่า การที่ท่านแสดงความขี้เท่อออกมาด้วยการเขียนข้อความในวีดีโอแทรกขึ้นมาว่า "เกินจริงหรือ" นั้นท่านได้เคยอ่านตัฟซีรอัลกุมมีบ้างแล้วสักครั้งหรือยัง? หากว่ายัง อย่างน้อยท่านก็ไม่ควรแสดงความฉลาดน้อยออกมาให้เห็นกันได้ขนาดนี้ เพราะอะไรนั้นหรือ? ก็เพราะว่าในวันนี้นั้นพระองค์อัลลอฮฺได้ทรงเปิดโปงอากีดะฮฺที่แท้จริงของชีอะฮฺ เกี่ยวกับอัลกุรอานซึ่งจะเป็นหลักฐานที่มาสนับสนุนคำพูดของอาจารย์อะมีนในวีดีโอชิ้นนี้ว่า อาจารย์อะมีนเป็นผู้ที่พูดจริง และคุณสุไลมานก็เป็นเพียงคนขี้ขลาดที่หลีกเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามของท่านอาจารย์อะมีน นั่นเอง
หลักฐานดังกล่าวนำมาจากเว็บไซต์ชื่อดังของโลกชีอะฮฺเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นเว็บไซต์ ศูนย์กลางของโลกชีอะฮฺ เว็บไซต์ดังกล่าวก็คือ อัลชีอะฮฺ ดอมคอม ซึ่งเป็นเว็บภาษาอาหรับ และที่สำคัญเว็บนี้มีตำราชีอะฮฺให้ดาวน์โหลดมากมายและหนึ่งในนั้นก็คือ ตัฟซีรอัลกุมมี !!!! เมื่อเราได้ทำการเข้าไปโหลด หนังสือเล่มดังกล่าวโดยเฉพะไปตรงส่วนของการตัฟซีรอายะฮิกุรซี เราจะพบสิ่งที่น่าตกใจก็คือ อายะฮฺกุรซีของชีอะฮฺไม่เหมือนของซุนนี!!! และเป็นแบบเดียวกับที่อาจารย์อะมีน เหมเสริมอ่านมันในวีดีโอ และสุไลมานนก็หลีกเลี่ยงไม่ตอบนั่นเอง!!!!!!!!!
กรุณาดูอายะฮฺกุรซีจากตัฟซีรอัลกุมมี ที่เราได้ทำการบันทึกมาจากหน้าเว็บไซต์ของพวกชีอะฮฺ(หากเห็นไม่ชัดกรุณาคลิกที่รูป)
โปรดสังเกตุตรงขีดสีแดงจะพบว่ามีการเพิ่มข้อความเข้ามาซึ่งผิดเพี้ยนจากอายะฮฺกุรซี ที่เราอ่านๆกันทุกวันหลังละหมาดฟัรดู
อีกหลักฐานหนึ่งก็คือจากเว็บไซต์ชีอะฮฺเช่นกันชื่อเว็บว่า 14mason.com ซึ่งปรากฎหะดีษจากกุลัยนี ซึ่งมีระบุอายะฮิกุรซี แบบเดียวกับตัฟซีรอัลกุมมีเป๊ะ
เราได้พบเห็นกันแล้วว่า ในขณะที่ชีอะฮฺเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเราปากจะพูดเสมอว่าอัลกุรอานสมบูรณ์ๆๆๆ แต่ในเว้บไซต์ของพวกเขากลับสอนว่าอัลกุรอานไม่สมบุรณ์
เมื่อเราได้พบหลักฐานที่ชัดแจ้งขนาดนี้แล้ว ก็อยากให้เราถามดูว่านี่หรือชัยชนะของการเสวนาที่ชีอะฮฺ ยกย่องและภูมิใจ การตะกียะฮฺหลีกเลี่ยงไม่ตอบนี่คือชัยชนะของชีอะฮฺงั้นหรือ และนี่ก็คือตัวอย่างเดียวจากหลายๆตัวอย่างที่คุณสุไลมานได้บิดเบือนไป
สำหรับทีมานชีอะฮฺผู้ทำวีดีโอชิ้นนี้ที่อุตส่าแสดงความเขลาออกมาด้วยการขึ้นตัวอักษรว่า "เกินจริงเหรอ" ก็ขอตอบว่า โครตจริงครับ น้องตะกียะฮฺ เอ๋ย
อ้อ ในวีดีโออันที่สองผมเห็นแว่บๆ ว่ามีตัวอักษรขึ้นใหญ่เลยว่า ชีอะฮฺท้าสาบานมุบาฮาละฮฺ ใครจะรับคำท้าบ้าง ก็ขอตอบว่าเมื่อเห็นการตะกียะฮฺกันขนาดนี้แล้ว จะกลัวกันอีกหรือ ผมคนนึงล่ะครับที่ขอรับคำท้าสาบานมุบาฮาละฮฺ
แต่ถ้าชีอะฮฺจะมาหาทางออกด้วยวิชามารตลอดกาลว่า เราไม่ยอมรับตัฟซีรอัลกุมมี ก็อยากบอกว่า สายไปแล้วล่ะครับ ในวีดีโอดังกล่าวนั้นคุณสุไลมานก็ออกปากยอมรับตัฟซีรอัลกุมมีเอง และกรุณาอ่านความยิ่งใหญ่ของตัฟซีรอัลกุมมีจากเว็บไซต์ชีอะฮฺภาษาไทยได้ที่
http://www.quranrasul.com/quranrasul/content/view/112/99/
ฐานะของท่านอะลีเปรียบเทียบกับท่านนบีตามอะกีดะฮฺชีอะฮฺ
อัซซัยยิด ละอฺนะตุลลอฮฺ อัลญะซาอีรีย์ อุลามะอฺและฟะฮฺกีฮฺ ผู้โด่งดังของลัทธิชีอะฮฺในอดีตได้บันทึกหะดีษบทหนึ่งที่ได้กล่าวเปรียบเทียบถึงท่านนบีมุฮัมมัดกับตัวท่านอะลีไว้ดังนี้
รอซูลลุลลอฮฺกล่าวว่า
" 3 ประการที่ถูกประทานให้แก่อะลีแต่ฉันไม่ได้มีสิทธิพิเศษในสิ่งที่ถูกประทานให้แก่ท่านอะลีเช่นนั้น คือ 1. เขามีความกล้าหาญแต่ฉันไม่มีเช่นนั้น 2.เขาถูกประทานภรรยาที่ประเสริฐเช่นฟะตีมะฮฺแต่ฉันไม่มีเช่นนั้น 3.เขามีบุตรที่ประเสริฐอย่างฮะซันและฮุซัยนฺแต่ฉันไม่เช่นนั้น"
จากหนังสือ "อัล อันวาร อันนัวอฺมานียะฮฺ" หน้าที่ 12
หากเราพิจารณาถึงหะดีษเก๊ ที่อุลามะอฺชีอะฮฺคนนี้ได้นำมาบันทึกไว้ในตำราเล่มนี้เราจะพบเห็นถึงความพยายามอันงมงายที่จะเสี้ยมสอนให้รู้ว่าท่านอะลีประเสริฐกว่าท่านนบีเสียอีก และจากหะดีษข้างต้นนี้เราสามารถผวนความหมายได้ว่า
1.ท่านนบีเป็นผู้ที่ไม่กล้าหาญหรือ "ขี้ขลาด"
2.ท่านนบีมีภรรยาที่ไม่ได้เรื่อง ซึ่งเท่ากับชีอะฮฺจะบอกอีกนัยหนึ่งว่าพระองค์อัลลอฮฺประทานสตรีที่ไม่ได้เรื่องให้เป็นคู่ครองแก่ท่านนบี
3.บุตรของท่านนบีทั้ง 7 ล้วนแล้วแต่ไม่ได้เรื่องเช่นกัน เทียบเท่ากับท่านฮะซันฮุเซนไม่ได้ ซึ่งเท่ากับชีอะฮฺจะบอกว่าพระองค์อัลลอฮฺนั้นรักใคร่เอ็นดูท่านอะลีมากกว่านบีเสียอีก เพราะถึงขนาดประทานบุตรที่ประเสริฐมาให้แก่ผู้เป็นอิมามทั้งๆที่รอซูลของพระองค์ยังไม่ได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้เลย
แบบนี้ใช่ไหม เจตนาและความหมายที่แท้จริงที่อยู่ภายใต้การกิตมานและตะกียะฮฺของอุลามะอฺชีอะฮฺคนนี้ และเป็นความหมายที่ชีอะฮฺเองก็ต้องการใช่ไหม
แต่สำหรับพวกเราชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺ ขอกล่าวว่า นะอูซุบิลละฮฺมินซาลิก ขอพระองค์อัลลอฮฺทรงปกป้องพวกเราจากความเชื่ออันอัปยศเช่นนี้เถิด
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
คำถาม 2 ข้อสำหรับชีอะฮฺ
บทสรุปจากวิดีโอชิ้นดังกล่าวที่อุลามะอฺชีอะฮฺคนนี้มีต่ออะลี
1. ท่านอะลีคือพระพักตร์ของพระองค์อัลลอฮฺ
2.ท่านอะลีคือ ความลับในเรื่องที่เกี่ยวกับความสามารถหรือเดชานุภาพของพระองค์อัลลอฮฺ
3.ท่านอะลีคือลิ้นของอัลกุรอาน
4.ท่านอะลีคือผู้สอนท่านนบีอะดัมถึงวิธีการเตาบะฮฺ(เรื่องนี้ขัดกับความจริงเพราะใครจะทำใจเชื่อได้ว่าตอนนั้นท่านอะลีเกิดเป็นตัวเป็นตนแล้ว)
คำถามสำหรับชีอะฮฺ กรุณาตอบอย่าเลี่ยง
1. ชีอะฮฺยอมรับหรือไม่ว่าคำกล่าวยกย่องท่านอะลีของ อัลลามะฮฺ ฮุซัยนฺ อัลฟะฮีด ว่าถูกต้อง หรือชีอะฮฺปฏิเสธมันว่าไม่ถูกต้อง ได้โปรดกรุณาตอบแค่ว่า "ถูก" หรือ "ไม่ถูก"
ตอบ ......................
2. หลังจากรับชมวีดีโอนี้แล้ว ชีอะฮฺยอมรับว่า อัลลามะฮฺ ฮุซัยนฺ อัลฟะฮีด เป็นอุลามะอฺของชีอะฮฺอิมามียะฮฺหรือไม่ ได้โปรดตอบแค่ว่า "ยอมรับ" หรือ "ไม่ยอมรับ"
ตอบ.............................
คิดให้ดีก่อนตอบ เพราะมันเกี่ยวกับอะกีดะฮฺ
หากตอบได้กรุณาแสดงความเห็นมาที่ช่องแสดงความเห็นข้างล่างนี้
วัสสลาม
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ฟัตวาชั่วๆจากโลกชีอะฮฺบุคคลสามารถค้าเฮโรอีนได้
ฟัตวาชั่วๆจากโลกชีอะฮฺ บุคคลสามารถค้าเฮโรอีนได้!!!
บทความที่ท่านผู้อ่านกำลังได้รับชมอยู่ต่อไปนี้หาใช่บทความที่เขียนขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายอย่างมืดบอดต่อกลุ่มบุคคลที่สังกัดอยู่ในลัทธิชีอะฮฺ แต่เป็นบทความที่เขียนขึ้นมาจากข้อเท็จจริงที่จับต้องได้ พิสูจน์ได้ และจากข้อมูลที่มาจากกลุ่มลัทธิชีอะฮฺเองจริงๆ
ขึ้นหัวข้อมาว่า “ฟัตวาชั่วๆจากโลกชีอะฮฺ บุคคลสามารถค้าเฮโรอีนได้” ท่านพี่น้องหลายท่านอาจจะดูว่าแรงไป หากแต่ในความเป็นจริงคำว่าชั่วหรือระยำอัปรีย์สถุลชาติตระกูล ยังดูน้อยไปหากคิดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากฟัตวานี้ เพราะนอกจากฟัตวาจะทำให้ใครต่อใครหันมาเป็นพ่อค้าเฮโรอีนได้อย่างสบายใจหรือเป็น “บังรอนเวอร์ชั่นชีอะฮฺ” แล้วมันยังทำลายภาพลักษณ์ของศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ที่จะถูกมองจากภายนอกว่าเป็นศาสนาที่ชั่วครบสูตรจริงๆ เพราะนอกจากจะสอนให้เล่นมุตอะฮฺกับสาวๆกันลืมตาย และทรมานร่างกายเด็กๆในวันอาชูรอแล้ว ยังจะถูกมองว่าเป็นศาสนาที่อนุมัติให้ค้าขายยานรกที่ทุกประเทศทั่วโลกและทุกศาสนามองว่าเป็นสิ่งต้องห้าม และที่บัดซบเข้าเส้นเลือดก็คือกลุ่มคนที่ออกมาฟัตวานี้คือกลุ่มคนที่โฆษณาอยู่ตลอดว่า ตนเป็นอิสลามที่แท้จริงจากลูกหลานของนบี ตนเป็นรัฐอิสลามอันแข็งแกร่งที่ตะวันตกหวาดกลัว ตนเป็นพวกเดียวที่ยืนหยัดในความถูกต้องไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลความชั่วใดๆ และที่สำคัญโฆษณากันหั่นแหลกว่าตนเป็นกลุ่มคนที่อยู่ภายใต้ระบอบการปกครองที่เรียกว่า “วิลายัตอัลฟะฮฺกี” ซึ่งเป็นระบบการปกครองที่ผู้นำศาสนามีอำนาจชี้ขาดดังนั้น ความชั่วร้ายต่างๆจักไม่สามารถออกมาจากผู้อยู่ใต้ระบบการปกครองเช่นนี้ ในความเป็นจริงกลุ่มคนเหล่านี้ก็คือคนตลบตะแลงกลุ่มเดียวกับพวกที่ทำเว็บไซต์ที่ชื่อว่า www.islamichomepage.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เก่งกาจในแง่ของสร้างภาพลบแก่พี่น้องมุสลิมทุกๆกลุ่มอย่างปราศจากหลักฐานที่ชัดเจน เรามักจะได้เห็นได้อ่านข่าวคราวจากพวกมารร้ายเหล่านี้ที่มักจะปล่อยออกมาเพื่อทำลายมุสลิมทุกกลุ่ม เช่น ออกมาว่าอดีตอธิบดีอัสฮัร(เชคฏอนฏอวี) คือสุนัขรับใช้อเมริกา โจมตีเชคก็อรฺดอวีว่ากลับกลอก กล่าวหาว่ามุฟตีซาอุดี้ฯฟัตวาเข้าทางยิวอเมริกา กล่าวหาว่าสภาอุลามะอฺแห่งอิยิปต์ว่าฟัตวาให้ชายหญิงจูบหรือหอมกันได้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นข่าวโครมลอยที่ปราศจากตัวบทหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร แต่พวกชีอะฮฺกลับกลอกเหล่านี้ไม่เคยนำเสนอความเน่าเปื่อยที่อยู่ในกลุ่มพรรคพวกของตนเลย ไม่ว่าจะการเล่นมุตอะฮฺของชายแก่ที่ชื่อโคไมนี่กับเด็กหกขวบ การฟัตวาห้ามต่อสู้กับอเมริกาของซิสตานี การร่วมมือกันแบ่งสรรผลประโยชน์ในอิรัคกับอเมริกาของกลุ่มปฏิวัติอิสลามแห่งอิรัค ภายใต้การนำของ อับดุลอะซีส อัลฮะกีม และเช่นกัน ไม่เคยเขียนเอาเลยว่าในลัทธิชีอะฮฺมีคำฟัตวาว่าอนุมัติให้ชีอะฮฺทำตัวเป็น เอเย่นค้าเฮโรอีนได้!!!! ดังตัวอย่างที่เราจะเขียนต่อไปนี้
ใครฟัตวา?
ก่อนจะเข้าสู่ข้อมูลหลักฐานเราจำต้องมารู้จักผู้ฟัตวาว่าคือใคร และมีฐานะที่สูงส่งอย่างไรในหมู่ชาวชีอะฮฺ ผู้ฟัตวาก็คือ อยาตุชชัยตอน ซัยยิดอบุลกอซิม อัลคูอีย์ อดีตมัรญิอฺตักลีด(ผู้วินิจฉัยศาสนาสูงสุด) แห่งประเทศอิรัค ผู้เป็นอาจารย์ของนักปราชญ์ชั้นสูงของโลกชีอะฮฺอย่าง อัลซิสตานี หากจะรู้ว่าผู้ฟัตวาใหญ่ขนาดไหนเราลองคิดดูแล้วกันว่าพวกเชคใหญ่ๆตามอิหร่านยังต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนกับ อัลคูอีย์ คนนี้ที่เมืองนะญัฟ ประเทศอิรัค อีกทั้งผลงานและองค์กรต่างๆที่ใช้ชื่อว่า สถาบันอิมามอัลคูอีย์ ซึ่งเป็นสถาบันเผยแพร่ชีอะฮฺที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ล้วนมาจากการก่อตั้งของผู้ฟัตวาคนนี้และคนในสถาบันก็ล้วนแต่เป็นลูกหาบของนายคนนี้ทั้งสิ้น ซึ่งสถาบันดังกล่าวก็มีในประเทศไทยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องความน่าเชื่อถือของผู้ฟัตวา (น่ากลัวใจจริงๆว่าหากผู้คนพากันเข้ารีตเป็นชีอะฮฺกันมากต่อไปจะมีเอเย่นขายเฮโรอีนสวมสาระบั่นสีดำเดินกันวุ่น)
ภาพถ่ายของ อบุลกอซิม อัลคูอีย์ ผู้ฟัตวา(ซ้าย) กับสักขีพยานแห่งการเป็นนักปราชญ์ของโลกชีอะฮฺ คนขวา นายอะลี ซิสตานี เชคใหญ่จากอิหร่านผู้ถวายตัวเป็นลูกศิษย์ของอัลคูอีย์ เป็นหลักฐานที่บอกได้อย่างชัดเจนว่าผู้ฟัตวามิใช่คนที่เชื่อถือมิได้ในหมู่ชาวชีอะฮฺ
นำมาจากหนังสือ صراطنجاة ของอัลคูอีย์ กรุณาสังเกตุตรงที่แต้มสีแดงไว้ระบุอย่างชัดเจนว่าอนุมัติให้ทำการค้าขายเฮโรอีนและผลิตมันได้!!!!!!!!! สำหรับคนที่รู้อาหรับจะอ่านเข้าใจ(ละอฺนะตุลลอฮุอะลัยกุม ยาชีอะฮฺๆๆๆๆๆๆ)
หน้าปกหนังสือ
แม้ว่าการฟัตวานี้จะไม่ระบุถึงการเสพย์มันว่าอนุมัติหรือไม่ แต่อย่างไรเสียคนกี่พันล้านคนที่จะต้องตกเป็นทาสยานรกนี้เพราะคำฟัตวาสิ้นคิดเหล่านี้ อย่าว่าแต่เฮโรอีนเลย แม้กระทั่งสุราที่กินแล้วไม่อันตรายเท่าเฮโรอีนอิสลามยังห้ามที่จะมุสลิมนั่งร่วมโต๊ะสังคกรรมกับผู้ดื่ม !!!! ชีอะฮฺจะต้องรับผิดชอบกับการกระทำที่ทำร้ายต่อมนุษยชาติและทำลายภาพลักษณ์พี่น้องมุสลิมทั่วโลก
แล้วชีอะฮฺจะทำอย่างไรต่อไป ?
แน่นอนเมื่อเราได้ทำการแฉความชั่วร้ายของนักปราชญ์ชั้นสูงของโลกชีอะฮฺ หรือซาตานในคราบนักบุญแล้ว เชื่อเหลือเกินว่าบรรดาชีอะฮฺคงจะร้อนรุ่มดั่งไฟเผา เตรียมควานหาข้อมูลเพื่อแก้ตัวเป็นแน่แท้ แต่ชีอะฮฺจะปฏิเสธได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อหลักฐานมันแจ่มแจ้งขนาดนั้น ทางเลือกของลัทธิชีอะฮฺมีแค่ตัวเลือกไม่กี่ตัวเลือกดังนี้
๑. ถอดถอนตำแหน่งอยาตุลลอฮฺของคูอีซะ และเขียนประณามมันในเว็บไซต์ของชีอะฮฺทุกๆเว็บไซต์ อันเป็นการแสดงตนว่าไม่ศรัทธาต่อผู้ฟัตวาคนนี้ ให้สมกับที่ชอบวิจารณ์ชาวบ้าน
๒. ทำลายสื่อสิ่งพิมพ์ และองค์กรสถาบันต่างๆที่เป็นของผู้ฟัตวา เพราะไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเงินที่นำมาใช้ในการตีพิมพ์หนังสือศาสนาและจัดตั้งสถาบันจะไม่ใช่เงินจากการขายเฮโรอีน เพราะการขายเฮโรอีนเป็นธุรกิจเถื่อนที่ทำกำไรดี โดเฉพาะประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางอย่างเช่น อิรัค และประเทศทางแถบอเมริกาใต้
๓. ด่าประณามคูอีย์ในหนังสือทางศาสนาทุกๆเล่ม ให้ได้แค่ครึ่งเดียวกับที่ชอบด่าซอฮาบะฮฺอย่างท่าน อบูบักร อุมัรและอุสมานก็ได้ มิเช่นนั้นท่านจะเข้าข่ายกลับกลอกอย่างแท้จริง
แต่หากชีอะฮฺยังคงนั่งเฉยเป็นชัยตอนใบ้ แถมยังปกป้องคูอีย์โดยข้อแก้ตัวห่วยๆแค่ว่า “ไม่จริงๆๆ วะฮาบีใส่ร้าย วะฮาบีสร้างความแตกแยกและสร้างฟิตนะฮฺ” ก็จงรู้ไว้เถิด บรรดามุสลิมทุกกลุ่มบนผืนปฐพีนี้จะทำสงครามประชาชนปลดแอกความโสโครกของโลกจากกลุ่มลัทธิชีอะฮฺเอง เพื่อปกป้องบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺจากการถูกแอบอ้าง ปกป้องมนุษยชาติทุกๆศาสนาจากการตกเป็นทาสยานรกของพวกลัทธิชีอะฮฺ ตลอดจนสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรดาซอฮาบะฮฺที่ทุ่มเททำลายความชั่วที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด
อีกมุมหนึ่งของอบุลกอซิม อัลคูอีย์ กับมาดการสูบบุหรี่ที่สร้างความตะลึงแก่ชาวซุนนี(มิน่าเล่าถึงได้ฟัตวาว่าขายเฮโรอีนได้)
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
พิธีกรรมการทรมานตนเองในลัทธิชีอะฮฺ
สำหรับมุสลิมเราๆทั้งหลายนั้นแค่เพียงมองพิธีกรรมดังกล่าวนี้อย่างผิวเผินก็สามารถสรุปได้อย่างทันทีว่ามันไม่มีตรงไหนที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ของเราเลย แต่เราจะปฏิเสธอย่างมีน้ำหนักได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อคนกลุ่มหนึ่งที่แสดงตนว่าเป็นอิสลาม ไว้เครา ใส่โต๊บดำ สวมฮิญาบ นั้นกลับส่งเสริมให้ทำพิธีกรรมอันบ้าคลั่งเหล่านั้นกันอย่างถ้วนหน้า อันที่จริงเขียนมาถึงตรงนี้แล้วอาจจะมีบางท่านที่ยังสับสนว่าพิธีกรรมดังกล่าวนั้นคืออะไร ก็จะขออธิบายอย่างรวบรัดว่า พิธีกรรมดังกล่าวมานั้นเรียกว่า “มะต่าม” อันเป็นพิธีกรรมที่มีรูปแบบของการทรมานตนเองโดยการตีอกชกหัวจนเลือดสาดกระจุย ซึ่งเป็นพิธีกรรมของกลุ่มลัทธิชีอะฮฺ โดยกระทำขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกหลานของท่านนบีที่เมืองกัรบาลา ประเทศอิรัค อย่างไรก็ตามสาเหตุการตายของท่านอิมามฮุเซนนั้นก็เป็นผลมาจากการทรยศและปลิ้นปล้อนอันเป็นสันดานดั้งเดิมของกลุ่มลัทธิชีอะฮฺ ซึ่งหากผู้อ่านท่านใดสนใจสามารถหาอ่านได้จากลิงค์นี้
(จากซ้ายไปขวา) 1) อิมามซีรอซี 2) อัซซยิดอะลี อัลซิสตานี ๓) อัซซัยยิด อบุลกอซิมอัลคูอี ๔) อัลอิมามุชชัยคฺ มุฮัมมัด ฮุซัยนฺ ๕) อัลอิมามุชชัยคฺ อับดุลกะรีม อัลฮาอิรีย์
ท่านสามารถดูวีดีโอดังกล่าวได้จากตัวนี้ ในตอนกลางๆของวีดีโอ มีการระบุถ้อยคำดังที่อ้างไว้อย่างชัดเจน จากลิงค์นี้
วิดีโออีกชิ้นหนึ่งที่ถือว่าบ่งบอกแก่เราได้เป็นอย่างดีถึงพิธีกรรมอันบ้าคลั่งของชาวลัทธิชีอะฮฺก็คือ วีดีโอต่อไปนี้
จากวีดีโอชิ้นดังกล่าวนี้เราจะพบถึงพิธีกรรมอันบ้าคลั่งของพวกเขา ซึ่งตัวผู้เทศนาและนำการทำพิธีกรรมคือ ซัยยิดมุฮัมมัด บากิร อัลฮะกีม หนึ่งในผู้รู้ที่โด่งดังที่สุดของอิรัคและเป็นศิษย์เอกคนสำคัญของโคไมนี่ ซึ่งได้รับคาดหวังจากชาวชีอะฮฺทั่วโลกว่าจะขึ้นมาปฏิวัติอิรัคจากซัดดัม ฮุเซน และดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของอิรัค พิธีกรรมดังกล่าวกระทำกันในเมืองกุม(แหล่งศาสนาของชีอะฮฺ) ประเทศอิหร่าน คำถามที่ตามมาจากการได้ดูวีดีโอชิ้นนี้คือ
๑. หากพิธีกรรมดังกล่าวเป็นที่ฮะรอมจริงๆตามที่ชีอะฮฺชอบอ้าง ทำไมอุลามะอฺชีอะฮฺคนนี้กลับทำให้เป็นแบบอย่างแก่ประชาชนเสียเอง
๒. หากพิธีกรรมดังกล่าวเป็นที่ฮะรอมจริงๆ รัฐบาลอิหร่านจะเมินเฉยได้อย่างไรเพราะตัวผู้กระทำนั้นเป็นถึงคนสนิทของโคไมนี่และอะลี คอมาเนอี
๓. และผลจากการเสี้ยมสอนความบ้าคลั่งเช่นนี้จะก่อให้เกิดการเอาเยี่ยงอย่างของเยาวชนลัทธิชีอะฮฺมากแค่ไหน
เราได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพิธีกรรมอันบ้าคลั่งดังกล่าวนี้พอสมควรแล้ว ต่อไปนี้จะขอให้ภาพเป็นตัวพูดถึงพิธีกรรมอันบ้าคลั่งเหล่านี้กันบ้าง ภาพที่ท่านจะได้รับชมต่อไปนี้ประมวลมาจากพิธีกรรมอันบ้าคลั่งนี้จากที่ต่างๆของโลก เชิญรับชมกันให้จุใจครับ
อบูอุมัยช์ ได้บอกกับเราโดยกล่าวว่า ฉันเคยได้ยิน อบาศ็อคเราะห์ เล่าจากอับดุรเราะห์มาน บินยะซีด และอบีบุรดะห์ บินอบีมูซา ทั้งสองกล่าวว่า อบูมูซา (เจ็บหนัก) ไม่รู้สึกตัว และอุมมุอับดิลลาห์ ภรรยาของเขาได้รีบมาที่นั่น โดยร้องสะอึกสะอื้นอย่างเสียงดัง ทั้งสองรายงานว่า หลังจากอบูมูซารู้สึกตัวก็กล่าวว่า เธอไม่รู้เลยหรืออย่างไร แล้วเขาก็ให้เธอฟังว่า แท้จริงท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ฉันบริสุทธิ์ (ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง) กับผู้ที่โกนศีรษะ, คร่ำครวญด้วยเสียงดัง, และการฉีกเสื้อผ้า” (ซึ่งเป็นพฤติกรรมของญาฮิลีญะห์เมื่อประสบภัยพิบัติ,มีทุกข์โศก หรือเมื่อมีการตายเกิดขึ้น)