วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552
การล่มสลายของทฤษฎีมุตอะฮฺในลัทธิชีอะฮฺ
โอ้ชีอะฮฺเลิกเสแสร้งว่าเป็นศัตรูกับอเมริกาได้แล้ว!!!!!!
ภาพข้างล่างนี้คือภาพถ่ายของ ซัยยิดอับดุลอะซีส อัลฮะกีม หัวหน้าขบวนการปฏิวัติอิสลามในอิรัค ซึ่งเป็นตัวแทนของชีอะฮฺทั้งมวลกับ จอร์จ บุช ซึ่งเป็นภาพถ่ายจากการแถลงการณ์ร่วมกันระหว่างชีอะฮฺกับอเมริกา(เกี่ยวกับผลประโยชน์ในอิรัค)


แล้วท่านรู้ไหม ว่าตัวแทนของชาวชีอะฮฺในอิรัคผู้กลอกกลิ้งรายนี้เป็นลูกน้องใคร ภาพนี้บอกคุณได้
ว้าวๆๆๆๆ คนซ้ายนะ ใหญ่นะนั่น ผู้นำสูงสุดของโลกชีอะฮฺ

แล้วก็ลูกน้องหมอนี้อีกที อิๆๆๆ

นอกจากอิหร่านจะตบตาชาวโลกแล้ว ชนชั้นนำของซาอุดี้อารเบีย ก็เป็นมิตรสหายของชัยตอนอเมริกาเช่นกัน

และอิหร่านก็เป็นมิตรสหายที่ดีกับซาอุดีอารเบียอีกที ใครที่เคยหลงคิดว่าประธานาธิบดี อะมาดีนิญ็อด ของอิหร่าน เกลียดซาอุดีอารเบีย เกลียดวะฮะบี คิดใหม่ได้แล้ว มันเป็นแค่เกมส์ตบตาชาวโลก เพราะจริงๆทั้งสองรักกันมาก
ประธานาธิบดีอิหร่าน(คนซ้าย)กับกษัตริย์อับดุลลอฮฺของซาอุฯ ยิ้มระรื่นกัน ในโอกาสเยี่ยมเยียนกัน
ส่วนนี่คือเจ้าชายบันดาร์ บินอับดุลลอฮฺ ผู้ฝักใฝ่ตะวันตกกับเราะฮฺบัต อะลี คอมาเนอี ซึ่งอะลีคอมาเนอี สนับสนุนเจ้าชายคนนี้อย่างมาก (หนุนสะลาฟีที่ชอบอเมริกา และเกลียดสะลาฟีที่ต่อต้านอเมริกาโดยให้ฉายาว่า กลุ่มวะฮาบี)

ในขณะเดียวกัน นายมุคตาดาร์ อัซซ็อดรฺ ผู้นำของกองทัพมะฮฺดี ของชีอะฮฺในอิรัค ก็ชอบซาอุดี้เหมือนกัน
จากภาพนายมุคตาดร์ เยี่ยมเยียนกษัตริย์อับดุลลอฮฺ ในราชวังฤดูร้อน

ในขณะเดียวกัน กลุ่มฮิสบุลลอฮฺ ก็นิยมอิหร่านที่เป็นพรรคพวกของอเมริกาอีกที

นูรี มะลีกี ประธานาธิบดีอิรัคชาวชีอะฮฺเด็กปั้นของบุช กับประธิบดีอิหร่าน สายสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้น


ซัยยิดอับดุลอะซีส อัลหะกีม ลูกน้องของอิหร่านกับโดนัล รัมส์เฟลต้นคิดของการทำสงครามอิรัค นี่เหรอ ชีอะฮฺที่ประกาศจะต่อสู้กับอเมริกา

ตัวแทนของอเมริกา กับตัวแทนของอิหร่าน

อุลามะอฺชีอะฮฺในอิรัค ลูกน้องของซัยยิดอับดุลอะซีส อัลหะกีม กับ ทหารอเมริกา จูบเชื่อมพันธมิตรกันดูดดื่ม

อุลามะอฺชีอะฮฺในอิรัค นำตัวแทนอเมริกาออกตรวจท้องที่

ซัยยิด ฮะซัน ผู้นำศาสนาชีอะฮฺในอิรัค จูบปากอย่างดูดดื่มกับตัวแทนอเมริกา คนซ้ายนะคุ้นๆไหม พลเอกโคลิน พาวเวลส์ ไง

หน้าตาเหมือนไอ้มาน บ้านเราเลย แหมๆ รักกันจริง สองคนนี้

แหกตาดูซะ ชีอะฮฺ ท่านเราะฮฺบัต อะลี คอมาเนอี ของท่านจับมือกับคอลิน พาวเวลส์ ลูกน้องไอ้บุช

เว็บไซต์มุนาฟิกชื่อว่า www.islamichomepage.com เคยลงภาพการจับมือระหว่างซัยยิด ต็อนตอวี อธิบดีอัสฮัรกับเอฮุด โอเมิด แล้ววิจารณ์ว่าเชคซุนนีคนนี้ควรลาออกไปเสีย ไม่เหมาะสมแล้วกับตำแหน่ง เรามาดูภาพนี้กัน
อิมามคอตามีของอิหร่านกับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล



ตัวแทนอเมริกาเยี่ยมเยียนพบปะนักศึกษาอิหร่านในเมืองกุม ประเทศอิหร่าน

สรุปคือ มุนาฟิกทีทำให้โลกนี้ปั่นป่วนคือ ชีอะฮฺ(อิหร่าน อิรัค) ผู้นำอาหรับและอเมริกา
ภาพทีท่านกำลังเห็นอยู่ต่อไปนี้คือ ภาพของชาวชีอะฮฺในอเมริกาที่กำลังละหมาดญะนะซะฮฺ แก่ทหารอเมริกาที่เสียชีวิตในอัฟกานิสถานซึ่งเป็นทหารอเมริกาที่ได้เข้าไปปล้นฆ่าพี่น้องมุสลิมในอัฟกานิสถาน หฟากสังเกตุจะพบว่ามีการนำธงชาติอเมริกาไปห่อศพของผู้ตายอย่างสมเกียรติโรงเรียนชีอะฮฺ
[4:145]แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นอยู่ในชั้นต่ำสุดจากนรก และเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือใดๆ สำหรับพวกเขาเป็นอันขาด
ภาพข้างบนเป็นภาพของ นายฮาชิม รีดอ อุลามะชีอะและอิมามมัสยิดฟาติมะ(มัสยิดชีอะฮฺ)ในนิวยอคร์ กำลังละหมาดญานาซะให้กับทหารอเมริกาที่ตายในสงครามอัฟกานิสถาน นี่คือโฉมหน้าของชีอะฮฺที่ปรากฎในขณะที่คนทั่วโลกกำลังเดือดร้อนเรื่องปาเลสไตน์
[72:18]และว่าแท้จริงบรรดามัสยิดนั้นเป็นของอัลลอฮ์ ดังนั้น พวกเจ้าอย่าวิงวอนขอผู้ใดเคียงคู่กับอัลลอฮ์
[14:36]โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงพวกมันได้ทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่หลงทาง
ดุอากันด้วยความน้อบน้อม ถามว่าเรื่องในปาเลสไตน์ชีอะฮฺเคยดุอาแบบนี้ไหม
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552
เมื่อซัลมาไม่ตามอะฮฺลุลบัยตฺ!!!!!!!!!!!!!!
No. : 40062 | |
ข้อความ: | คำถามที่ส่งไปถามคุณซัลมาล้านรอบแล้วไม่เคยได้รับคำตอบ เฮอะ คุณซัลมา ผมเห็นเที่ยวเข้าไปก็อปปี้บทความจากเว้บชีอะฮิอีกแล้วนะแล้วก้เอาโพสไว้ในเว้บอาจารมุรีดตามเคยนะ เฮ้อๆๆๆ น่าสงสาร คิดเองบ้างสิ ผมเหนคุนท้าทายนัก ขอถามเลยนะ รูกุ่นอีมานห้าประการ ขอหลักฐานหน่อยเอามาจากไหน ยกมาเลยครับจากตำราสี่เล่มที่เก่าแก่ที่สุดของชีอะฮฺ(คิดว่าคงรู้จักนะครับจะได้ไม่ต้องบอก) ยกมา ว่าอิมามคนใดรายงานว่าอิสลามมีอูศูลห้าข้อเอามาเลยครับ ถ้าอูศูลใหญ่ๆแค่นี้คุณยังไม่มีหลักฐานมันก็พิสูจน์แล้วล่ะครับว่าพวกคุนนะตอแหลต่ออะฮฺลุลบัยตฺ จนบัดนี้ไม่เคยได้รับคำตอบ poisonthewell@windowslive.com |
ผู้ส่ง: | แนวร่วมอิสลามไม่เอารอฟิเดาะฮฺ : IP : 114.128.74.157 |
วันที่ส่ง: 4/24/2009 10:51:39 AM |
No. : 40066 | |
ข้อความ: | คำถามที่ส่งไปถามคุณซัลมาล้านรอบแล้วไม่เคยได้รับคำตอบ เฮอะ คุณซัลมา ผมเห็นเที่ยวเข้าไปก็อปปี้บทความจากเว้บชีอะฮิอีกแล้วนะแล้วก้เอาโพสไว้ในเว้บอาจารมุรีดตามเคยนะ เฮ้อๆๆๆ น่าสงสาร คิดเองบ้างสิ ผมเหนคุนท้าทายนัก ขอถามเลยนะ รูกุ่นอีมานห้าประการ ขอหลักฐานหน่อยเอามาจากไหน ยกมาเลยครับจากตำราสี่เล่มที่เก่าแก่ที่สุดของชีอะฮฺ(คิดว่าคงรู้จักนะครับจะได้ไม่ต้องบอก) ยกมา ว่าอิมามคนใดรายงานว่าอิสลามมีอูศูลห้าข้อเอามาเลยครับ ถ้าอูศูลใหญ่ๆแค่นี้คุณยังไม่มีหลักฐานมันก็พิสูจน์แล้วล่ะครับว่าพวกคุนนะตอแหลต่ออะฮฺลุลบัยตฺ จนบัดนี้ไม่เคยได้รับคำตอบ poisonthewell@windowslive.com ผู้ส่ง: แนวร่วมอิสลามไม่เอารอฟิเดาะฮฺ ....................................................................... เขียนตอบไม่ทันหรอกคะ ที่นี่พวกเขาทั้งลบ ทั้งบล็อกข้อความ แล้วนำมาลงนี่นี่ภายหลังก็ได้ ไม่ว่ากัน ไปพบกันที่ salmabkk@gmail.com ดีกว่านะคะ ไปก่อนค่า...... |
ผู้ส่ง: | ซัลมา : IP : 125.24.0.222 |
วันที่ส่ง: 4/24/2009 10:55:12 AM |
ด้วยเหตุนี้ผมจึงตอบกลับไปว่า
No. : 40071 | |
ข้อความ: | คุนซัลมาอย่าตอแหลสิครับ นี่แหละตะกียะของจริง ผมส่งคำถามไปทางอีเมลเกือบเดือนกว่าแล้วเรื่องหลักศรัทธาห้าประการไม่เคยได้รับคำตอบ นี่เมลผม poisonthewell@windowslive.com lovesahabah_ahlulbayte@windowslive.com |
ผู้ส่ง: | แนวร่วมอิสลามไม่เอารอฟิเดาะฮฺ : IP : 114.128.74.157 |
วันที่ส่ง: 4/24/2009 10:58:36 AM |
อย่างไรก็ตาม คุณซัลมายังคงหลอกผู้อื่นโดยกล่าวหาว่าผมไม่เคยส่งคำถามไปหาและโกหก ด้วยเหตุนี้ผมจึงเขียนไปว่าผมขอท้าสาบานมุบาฮาละฮฺกับคุรซัลมาดังข้างล่างนี้
No. : 40076 | |
ข้อความ: | ตอแห>เก่งจริงนะ ผมส่งอีเมลไปหาคุนไม่รุ้กี่ครั้งไม่เคยตอบ ................................ ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ หากท่านส่งมาจริงแล้วดิฉันไม่ตอบ ขอให้ดิฉัน ได้รับการลงโทษทั้งดุนยาและอาคีเราะฮ์ แต่หากท่านยังมิได้ส่งมา แล้วมา "โกหก" ขอให้ท่านได้รับสิ่งเดียวกัน ผู้ส่ง: ซัลมา : IP : 125.24.0.222 ........................................................... คุนซัลมาแน่จริง มาสาบานมุบาฮาละไหม ถ้าผมส่งไปจริงๆ ขอให้คุนตกมุรตัดเปนกาเฟรลงนรก แต่ถ้าผมโกหก ขอให้ผมตกมุรตัดเปนกาเฟรก้ได้ เอ้าเอาไหม รับคำท้ามา |
ผู้ส่ง: | แนวร่วมอิสลามไม่เอารอฟิเดาะฮฺ : IP : 114.128.74.157 |
วันที่ส่ง: 4/24/2009 11:01:57 AM |
แล้วคุณซัลมาก็ตอบมาว่า
No. : 40080 | |
ข้อความ: | นซัลมาแน่จริง มาสาบานมุบาฮาละไหม ถ้าผมส่งไปจริงๆ ขอให้คุนตกมุรตัดเปนกาเฟรลงนรก แต่ถ้าผมโกหก ขอให้ผมตกมุรตัดเปนกาเฟรก้ได้ เอ้าเอาไหม รับคำท้ามา ผู้ส่ง: แนวร่วมอิสลามไม่เอารอฟิเดาะ ................................. รับสาบานคะ แต่ช่วยกรุณาลงรายละเอียดได้ไหมคะเกี่ยวกับ "สาบานมุบาฮะละฮ์" คะ ว่ามันเป็นมาอย่างไร? |
ผู้ส่ง: | ซัลมา : IP : 125.24.0.222 |
วันที่ส่ง: 4/24/2009 11:05:14 AM |
คุณซัลมาครับ ผมมั่นใจว่าคุณคงรู้ดีแก่ใจว่าใครกันแน่โกหกและหลีกหนีการตอบคำถามมาตลอด เพราะผมมีหลักฐานเป็นจดหมายอีเมลที่ส่งไปหาคุณและไม่เคยได้รับคำตอบกลับมาเลย แต่การที่คุณกล้ารับคำสาบานทั้งๆที่ผมระบุเงื่อนไขอย่างชัดเจนว่า "ถ้าผมส่งไปจริงๆ ขอให้คุนตกมุรตัดเปนกาเฟรลงนรก แต่ถ้าผมโกหก ขอให้ผมตกมุรตัดเปนกาเฟรก้ได้ เอ้าเอาไหม รับคำท้ามา" ก็ขอให้เป็นไปตามนั้นนะครับ เพราะหลังจากการสนทนาในเว็บบอร์ดนี้ผมเองยังส่งคำถามไปหาคุณอีกหลายๆครั้ง แต่คุณไม่ยักตอบมาเลย มิหนำซำ ยังตะลบตะแลงเลี่ยงประเด็นไปพูดเรื่องรายละเอียดของมุบาฮาละฮฺ โดยไม่ตอบคำถามผมตามเคย
No. : 40081 | |
ข้อความ: | อยากรู้เรื่อง "สาบานมุบาฮะละฮ์" คะ มีในกุรอานและฮะดิษไหมคะ ใครก็ได้ช่วยตอบนะคะ |
ผู้ส่ง: | ซัลมา : IP : 125.24.0.222 |
วันที่ส่ง: 4/24/2009 11:07:11 AM |
ผมขอเป็นพยานต่ออัลลอฮฺว่า หญิงชีอะฮฺคนนี้บิดพลิ้วและสาบานพล่อยๆออกมาโดยเอาความเป็นความตายมาสาบาน ก็ขอพระองค์อัลลอฮฺทรงใหเป็นไปตามคำสาบานด้วยเถิด อามีน
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้มันทำให้ผมคิดว่า การตะกียะฮฺ คงสามารถนำมาใช้ในคำสาบานได้ด้วยแน่ๆ ซัลมา หญิงชาวชีอะฮฺจากสถานทูตอิหร่านคนนี้จึงกล้าสาบานออกมา และนั่นคงเป็นคำตอบได้ดีว่า ทำไมในวีดีโอการดีเบทระหว่างนักวิชาการซุนนะฮฺกับสุลัยมาน ฮูซัยนี ฝ่ายชีอะฮฺจึงกล้าท้าสาบานในประเด็นเรื่องอัลกุรอาน ว่าชีอะฮฺเชื่อว่าครบ ทั้งๆที่ตำรามากมายของชีอะฮฺระบุว่ามันไม่ครบ!!!!!
ในความเป็นจริงนั้น ประเด็นเรื่องหลักการศรัทธาห้าประการ ตามหลักความเชื่อของชีอะฮฺนั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายชีอะฮฺกระวนกระวายมาดดยตลอด เพราะมันเป็นข้อพิสูจน์ชิ้นสำคัญเลยว่า ชีอะฮฺไม่ได้ตามอะฮฺลุลบัยตฺ ดังที่อ้างไว้ เพราะหากชีอะฮฺดำเนินรอยตามอะฮฺลุลบัยตฺแล้วไซร้โครงสร้างทางศาสนาอันสำคัญขนาดนี้จึงไม่มีหลักฐานรับรองจากตำราชีอะฮฺเลย เพราะขนาดตำราอันเก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดสี่เล่มของโลกชีอะฮฺอย่าง อัลกาฟี หรือ มันลายะฮฺฎุรุฮุลฟะกีฮฺ ก็ไม่ปรากฎริวายัตเรื่องการแบ่งรูกุ่นอีมานออกเป็นห้าประการเลย
เรื่องราวอีกประการหนึ่งที่เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีก็คือ ชีอะฮฺคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักศึกษาอิหร่านใช้อีเมลว่า fix_minsar4@hotmail.com ซึ่งมักจะเข้าไปก่อกวนในเว็บบอร์ดเสมอ ข้าพเจ้าได้ทำการเสวนากับเขาและได้ตอบโต้เขาไปทุกๆแง่มุมอย่างละเอียด พอมาถึงคำถามที่ข้าพเจ้าถามไปเรื่องรูกุ่นอีมานห้าประการ เขาก็หายหัวไปอย่างไร้ร่องรอยไปเลย จนมาบัดนี้ข้าพเจ้ายังไม่ได้รับคำตอบเลย ถ้าเจ้าตัวอ่านอยู่ก็ส่งคำตอบมาด้วย พ่อหนุ่มไก่อ่อนอิหร่านเอ้ย
จนข้าพเจ้ามานั่งคิดว่า หรือชีอะฮฺจะมัวแต่ขุดคุ้ยซอฮาบะฮฺมากเกินไป หาข้อผิดในแนวทางซุนนะฮฺมากเกินไป และมัวแต่หาหลักฐานจากตำราซุนนะฮฺเพื่อมารองรับความเชื่อนอกรีตของเขามากไป เขาเลยไม่เคยกลับไปตักนำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเลยว่า ในแนวทางของชีอะฮฺนั้นแม้กระทั่งรูกุ่นอีมานอันเป็นโครงสร้างทางศาสนาก็ยังหาหลักฐานจากตำราฝ่ายตนมารับรองไม่ได้ ก็น่าสมเพทนะครับว่าถือศาสนาอะฮฺลุลบัยตฺประเภทไหนเรื่องมันจึงได้ออกมาอิรุงตุนังขนาดนี้ และขนาดว่าเป็นเรื่องใหญ่ๆขนาดนี้ยังไม่มีหลักฐานมารองรับจะไปนำประสาอะไรกับเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อย ที่ต้องเลอะเทอะตามไปอย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ผู้เขียนไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่าความต้องการที่จะให้ภาพถ่ายของอุลามะอฺชีอะฮิชื่อดังเป็นผู้พูดแทนครับ
นี่แหละ รอฟิเดาะฮฺชีอะฮฺ
วัฒนธรรมการวาดภาพในลัทธิธรรมเนียมชีอะฮฺ
ภาพวาดของโมเสสในจินตนาการของชาวยิว

ภาพวาดของพระเยซูในจินตนาการของคริสต์เตียน

พระศาสดาคุรุนานักของศาสนาซิกส์

ในความเป็นจริงนั้น มีเพียงแค่อิสลามเท่านั้นที่รอดพ้นจากประเพณีและธรรมเนียมการวาดภาพทางศาสนาซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของศาสนาแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่เหล่ามุสลิมต่างภาคภูมิใจมาเป็นเวลายาวนาน
แต่!! อย่างไรก็ตามวันนี้ ความภาคภูมิใจดังกล่าวได้ถูกทำลายลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เมื่อกลุ่มลัทธิชีอะฮฺนอกรีตที่อ้างตัวว่าเป็นอิสลามและแถมอ้างตัวว่าเป็นอิสลามที่บริสุทธิ์จากวงวานของท่านนบีกลับแสดงออกทางด้านรูปวาดทางศาสนาแทบจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากศาสนาอื่นๆเลย สิ่งที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้บรรดาชีอะฮฺอย่าตะกียะฮฺให้เหนื่อยปล่าวเลยครับ ว่าไม่จริ๊งๆๆๆ เพราะเราพบหลักฐานการฟัตวาจากนาย อะลี ซิสตานี อุลามะอฺชีอะฮฺแห่งอิรัค ในยุคปัจจุบันที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกซึ่งเขาได้ระบุในฟัตวาของเขาว่าเป็นที่อนุมัติที่จะวาดภาพบรรดาอิมามของพวกเขา!!!
อะลี ซิสตานี ผู้ฟัตวาว่าอนุมัติที่จะวาดภาพทางศาสนา

อะลี ซิสตานี ผู้ได้รับการยกย่องจากชีอะฮฺจนถึงขนาดมีผู้คนนำภาพเขาไปติดกันตามผนังบ้านควบคู่ไปกับภาพท่านอิมามอะลี(ตามจินตนาการของชีอะฮฺ)ดังภาพข้างล่างนี้

หลักฐานการฟัตวา
ต่อไปนี้คือตัวอย่างภาพทางศาสนาในกลุ่มลัทธิความเชื่อชีอะฮฺ
ภาพเปรียบเทียบระหว่างชีอะฮฺกับคริสต์ ทางซ้ายชีอะฮฺทางขวาคริสต์

ภาพบรรดาอิมามสิบสองของชีอะฮฺ

ภาพคุรุนานักในศาสนาซิกส์ถามว่าต่างกับชีอะฮฺตรงไหน

ภาพวาดในจินตนาการชีอะฮฺ คนกลางคือท่านนบีอุ้มเด็กชายสองคนคือฮะซันและฮุเซน คนขวาคือท่านอะลีคนซ้ายท่านหญิงฟาตีมะฮฺและด้านหลังคือมลาอิกัต!!

สร้อยคออิมามอะลี ของชีอะฮฺ ความบ้าคลั่งที่เกินบรรยาย

ภาพของท่านอะลีประหนึ่งกลายเป็นของบูชา
หญิงชีอะฮฺกับการทำความเคารพภาพของท่านอะลี

ท่านอิมามซัยนุลอะบีดีนกับจินตนาการของชีอะฮฺ เมื่อตอนถูกจับไปวังของยะซีด

ทั้งกอดทั้งจูบ

ความเพ้อฝันของอุลามะอฺชีอะฮฺ
วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552
ชีอะฮฺ&ยิว เราจะเป็นพันธมิตรกันตราบจนวันตาย
ต่อไปนี้ คือ สิ่งที่คุณ อัล-อัซฮะรีย์ ได้เคยนำเสนอ การที่เราจะมาเปรียบเทียบคำสอนต่าง ๆระหว่างยิวและชีอะฮฺนั้น เราสมควรที่จะทำความรู้จักคำภีร์ ตัลมูต ซึ่งเป็นคำภีร์ที่พวกยิวทั่ว โลกยึดคำสอนต่าง ๆจากคำภีร์นี้และพวกเขาเชื่อว่า คำภีร์ตัลมูตนี้ เป็นคำภร์ที่ถูกประทานลงมาจากฟากฟ้า พวกเขามีความเห็นว่า อัลเลาะฮฺทรงประทานคำภีร์เตารอตให้แด่นบีมูซา(อ.) ณ (ภูเขา)ตูรซีนีนโดยการบันทึก แต่อัลเลาะฮฺทรงประทานคำภีร์ตัลมูตแก่นบีมูซาด้วยคำตรัสของพระอ งค์เอง ไม่เพียงเท่านั้น พวกยิวยังถือว่าคำภีร์ตัลมูตนี้มีฐานันดรที่สูงส่งกว่าคำภีร์เต ารอตเสียอีก คำภีร์ตัลมูตมีอยู่ 6000 หน้าด้วยกัน ได้กล่าวไว้ในคำภีร์ตัลมูตว่า " ผู้ที่ใดที่ดูหมิ่นคำกล่าวต่าง ๆของบรรดาบาตรหลวงแล้ว เขาสมควรตาย โดยผู้ที่ดูหมิ่นคำภีร์เตารอตนั้นไม่สมควรตาย และย่อมไม่รอดพ้นปลอดภัยสำหรับผู้ที่ละทิ้งคำสอนของคำภีร์ตัลมู ตโดยที่ให้ความสนใจในคำภีร์เตาร๊อตเพียงอย่างเดียว เพราะคำกล่าวต่าง ๆของนักปราชน์คำภีร์ตัลมูตนั้น ย่อมประเสริฐกว่าสิ่งที่มีอยู่ในชาริอัตของมูซา (ดู อัล-กันซฺ อัล-มัรซูด ฟีตะอาลีม อัตตัลมูต หน้า44 ของท่านมูซา นัสรุลลอฮฺ ) บาตรหลวงยิวท่านหนึ่งกล่าวว่า " ชาวยิวจะคงอยู่ด้วยสาเหตุการมีคำภีร์ตัลมูต ตราบใดที่คำภีร์ตัลมูตยังคงอยู่ในชาวยิว" ( อัตตัลมูต ชะรีอะฮฺ บนีอิสรออีล หน้า 12 )ดังกล่าวนี้คือแนวคิดของพวกยิวที่มีต่อคำภีร์ตัลมูต แต่เราลองมาดูแนวคิดของพวกชีอะฮฺอิมาม 12 ที่มีต่อคำสอนต่าง ๆของบรรดาอิมามของพวกเขาว่าเป็นอย่างไร ท่านโคมัยนีย์ กล่าวเอาไว้ว่า " แท้จริง คำสอนต่าง ๆของบรรดาอิมามนั้น เสมือนกับคำสอนต่าง ๆของคำภีร์อัลกุรอาน ที่ไม่ได้เฉพาะแก่ชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ทว่ามันเป็นคำสอนให้กับประชาชาติทั้งหมดในทุกยุคทุกสมัยและท ุกเมือง จนถึงวันกิยามะฮฺ " อัลฮุกูมะฮฺ อัลอิสลามียะฮฺ หน้า 112 เชคฺมุฮัมมัด ริฏอ อัลมุซฺ๊อฟฟัร กล่าวว่า " คำสั่งใช้ของบรรดาอิมามคือคำสั่งใช้ของอัลเลาะฮฺ การห้ามของพวกเขาคือการห้ามของอัลเลาะฮฺ การภักดีของพวกเขาคือการภักดีของอัลเลาะฮฺ และการฝ่าฝืนพวกเขาคือการฝ่าฝืนของอัลเลาะฮฺ......และไม่อนุญาติให้คัดค้านพวกเขา เพราะผู้ที่คัดค้านพวกเขาเสมือนการคัดค้านร่อซูลุลลอฮฺและการคั ดค้านร่อซูลุลลอฮฺเสมือนกับการคัดค้านอัลเลาะฮฺ " อะกออิด อัลอิมามียะฮฺ หน้า106
เมื่อเรารู้ถึงแนวคิดต่าง ๆของพวกเขาแล้ว เราก็ลองมาเปรียบเทียบระหว่างแนวทางของยิวและชีอะฮฺกันครับ
พวกยิว เชื่อว่า ศาสนาของพวกเขายังไม่สมบูรณ์ นอกจาก ต้องอ่านคำสอนต่าง ๆของเตาร๊อต มินชาและ ฆอมาร่า ได้กล่าวไว้ในคำภีร์ตัลมูตว่า " โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าจงให้ความสนใจคำสอนต่าง ๆของบรรดาปราชน์บาทหลวงให้มากกว่าคำสอนต่าง ๆของกฏหมายของมูซา " (อัล-กันซฺ อัล-มัรซูด หน้า 45) กล่าวไว้ในคำภีร์ตัลมูตเช่นกันว่า " แท้จริง ผู้ใดที่ศึกษาเตาร๊อต เขาย่อมปฏิบัติความดีงามหนึ่งที่ไม่สมควรที่จะได้รับการตอบแทนใ ด ๆ และผู้ใดที่ศึกษา มันชา เขาย่อมปฏิบัติความดีงามหนึ่งที่สมควรได้รับการตอบแทนรางวัล และผู้ใดที่ศึกษา ฆอมาร่า เขาย่อมปฏิบัติความดีงามหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ " (อัล-กันซฺ อัล-มัรซูด หน้า44) กล่าวไว้ในคำภีร์ตัลมูตเช่นเดียวกันว่า " เตาร๊อต เปรียบเสมือนน้ำ มันชาเปรียบเสมือนไวน์ และฆอมาร่าเปรียบเสมือนไวน์ที่หอมหวน โดยที่มนุษย์ยังต้องการคำภีร์ทั้งสามนี้" (อัล-กันซฺ อัล-มัรซูด หน้า45)
พวกชีอะฮฺอิมามียะฮฺ เชื่อว่า "อิสลามจะยังไม่สมบูรณ์ด้วยกับสารของท่านนบี(ซ.ล.) แต่จำเป็นต้องเสริมคำสอนต่าง ๆของท่านอลีและท่านฮุเซน ท่านฮะซัน อัชชีรอซีย์ กล่าวว่า " เสมือนกับว่า ศักยาภาพอิสลามนั้น ยังต้องการความทุ่มเทของมุฮัมมัด อลีและอัลฮุเซน จนกระทั้งมันได้ดำรงอยู่ได้ เช่นเดียวกัน อิสลามยังคงไม่สมบูรณ์ในหัวใจดวงหนึ่ง ที่ไม่มีมุฮัมมัด อลีและอัลฮุเซนพร้อมๆกัน เพราะคำสอนต่าง ๆของมุฮัมมัดนั้น เป็นคำสอนในเชิงกำหนดคำสั่งขึ้นมา คำสอนของอลีนั้นในเชิงปฏิบัติอบรมสั่งสอน และคำสอนของอัลฮุเซนนั้นในเชิงของมาตราวัด เมื่อทั้งสามองค์ประกอบนี้ไม่เกิดขึ้น อิสลามก็ปรากฏให้มีขึ้นมาไม่ได้ " ( ดู อัชชะอาอิร อัลฮุซัยนียะฮฺ หน้า 12 )
พวกยิวอ้างว่า " บรรดาบาทหลวงของพวกเขานั้น ประเสริฐกว่า บรรดานบี ได้กล่าวไว้ในคำภีร์ตัลมูตว่า " ท่านพึงทราบเถิด แท้จริงคำกล่าวต่าง ๆของบรรดาบาทหลวงนั้นย่อมประเสริฐกว่าคำกล่าวของบรรดานบี" อัล-กันซฺ อัล-มัรซูด หน้า 46
พวกชีอะฮฺอิมามียะฮฺ เชื่อว่า "บรรดาอิมามของพวกเขานั้นย่อมประเสริฐกว่าบรรดานบี ความเลยเถิดของพวกเขานั้น ได้วางบรรดาอิมามของพวกเขา ให้มีฐานันดรที่ประเสริฐกว่าบรรดานบี ร่อซูลและมวลมะลาอิกะฮฺผู้ใกล้ชิดอัลเลาะฮฺ อัล-ฮุร อัล-อามิลีย์ กล่าวว่า " บรรดาอิมาม 12 นั้น มีความประเสริฐกว่าบรรดามัคโลคทั้งหลาย จากบรรดานบี บรรดาผู้ได้รับการสั่งเสียสืบทอด บรรดามะลาอิกะฮฺและอื่น ๆ " อัล-ฟุซูล อัล-มุฮิมมะฮฺ หน้า152 โคมัยนีย์กล่าวว่า " แท้จริง ให้กับอิมามนั้น มีตำแหน่งที่ได้รับการสรรญเสริญ และฐานันดรที่สูงส่ง และการสืบทอดที่ได้เกิดขึ้นมานี้ ทั้งหมดของธุลีแห่งจักรวาล ได้น้อมแด่อำนาจและการปกครองของมัน และแท้จริง ส่วนหนึ่งจากบรรดาสิ่งจำเป็นต่าง ๆจากแนวทางของเรา คือให้กับบรรดาอิมามของเรานั้น มีตำแหน่ง ที่มะลาอิกะฮฺผู้ใกล้ชิดและนบีที่ถูกส่งมานั้น ไม่สามารถไปถึงได้ " อัล-ฮุกูมะฮฺ อัล-อิสลามียะฮฺ หน้า 52 ท่านอัซซุดูก ได้กล่าวรายงานจากท่านร่อซูลุลอฮฺ(ซ.ล.) ท่านกล่าวว่า "แท้จริงอลีคือมนุษย์ที่ประเสริฐสุด และผู้ใดปฏิเสธ เขาย่อมกุฟุร " อะมาลี อัส-ซุดูก หน้า71
พวกยิว เชื่อว่า บรรดาบาทหลวงของพวกเขานั้นได้รับการคุ้มครองจากความผิด บาทหลวงรุสกี้ หนึ่งจากผู้บันทึกคำภีร์ตัลมูต ได้กล่าววิจารณ์ถึงการขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างสองบาทหลวงว่า "แท้จริง บาทหลวงทั้งสองนี้ ได้กล่าวสิ่งสัจจะธรรมเพราะพระเจ้าได้ทำให้บาทหลวงทั้งสองนี้ ได้รับการคุ้มครองจากความผิด " อัล-กันซฺ อัล-มัรซูด หน้า47
พวกชีอะฮ์อิมามียะฮฺ เชื่อว่า บรรดาอิมามของพวกเขานั้น มะซูม ได้รับการคุ้มครองจากความผิด อัซ-ซันญะนีย์ ได้กล่าวจาก อัศศ่อดูกว่า " การศรัทธาเชื่อของเรา ในบรรดานบี ร่อซูล และบรรดาอิมามนั้น พวกเขาได้รับการคุ้มครองจากความผิด พวกเขาสะอาดจากทุกสิ่งโสมม " อะกออิด อัล-อิษนาอะชัร เล่ม 2 หน้า157 เชคฺมะฮัมมัด ริฏอ อัล-มุซ๊อฟฟัร กล่าวว่า " เราเชื่อมั่นว่า อิมามเสมือนกับนบี จำเป็นต้องมะซูม ได้รับความคุ้มครองจากความผิด" อะกออิด อัล-อิมามียะฮฺ หน้า104
พวกยิวเชื่อว่า คำสอนต่าง ๆของบรรดาบาตรหลวงนั้นเหมือนกับชาริอัตของนบีมูซา ได้กล่าวไว้ในคำภีร์ตัลมูตว่า " จำเป็นกับท่าน โดยการพิจารณาคำกล่าวต่าง ๆของบรรดาบาทหลวงนั้น เสมือนกับเตาร๊อต " อัล-กันซฺ อัล-อัรซูด หน้า45
พวกชีอะฮฺ เชื่อว่า คำสอนต่าง ๆของบรรดาอิมามนั้น เหมือนกับอัลกุรอาน โคมัยนย์กล่าวว่า "แท้จริง คำสอนต่าง ๆของบรรดาอิมามนั้น เสมือนกับคำสอนต่าง ๆของคำภีร์อัลกุรอาน ที่ไม่ได้เฉพาะแก่ชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง " อัลฮุกูมะฮฺ อัลอิสลามียะฮฺ หน้า 112
พวกยิว เชื่อว่า ผู้ที่โต้เถียงกับบาตรหลวงนั้น เหมือนกับการโต้เถียงกับอัลเลาะฮฺ ได้กล่าวไว้ในคำภีร์ตัลมูตว่า " ผู้ที่ใดที่โต้เถียงกับบาตรหลวง หรือบาทหลวงผู้สั่งสอน เขาย่อมทำผิด และเสมือนกับว่าเขาได้โต้เถียงกับความเกรียงไกรแห่งพระผู้เป็นเ จ้า " อัล-กันซฺ อัล-มัรซูด หน้า46
พวกชีอะฮฺ เชื่อมั่นว่า ผู้ที่คัดค้านต่อบรรดาอิมามนั้น เสมือนกับการคัดค้านต่ออัลเลาะฮฺ เชคฺมุฮัมมัด ริฏอ อัลมุซฺ๊อฟฟัร กล่าวว่า " คำสั่งใช้ของบรรดาอิมามคือคำสั่งใช้ของอัลเลาะฮฺ การห้ามของพวกเขาคือการห้ามของอัลเลาะฮฺ การภักดีของพวกเขาคือการภักดีของอัลเลาะฮฺ และการฝ่าฝืนพวกเขาคือการฝ่าฝืนของอัลเลาะฮฺ......และไม่อนุญาติให้คัดค้านพวกเขา เพราะผู้ที่คัดค้านพวกเขาเสมือนการคัดค้านร่อซูลุลลอฮฺและการคั ดค้านร่อซูลุลลอฮฺเสมือนกับการคัดค้านอัลเลาะฮฺ " อะกออิด อัลอิมามียะฮฺ หน้า106
พวกยิวอ้างว่า บรรดาบาตรหลวงผู้ใกล้ชิดพระเจ้านั้น คือผู้ที่สั่งสอนบรรดาผู้ประพฤติดีที่อยู่บนฟากฟ้า ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ตัลมูตว่า " แท้จริงบาทหลวงผู้ใกล้ชิดพระเจ้าน้นคือผู้ที่มาสั่งสอนบรรดาผู้ ประพฤติดีที่อยู่บนฟากฟ้า " ฮะมะญียะอฺ อัตตะอะลี อัซซียานียะฮฺ หน้า25
พวกชีอะฮฺ อ้างว่า" บรรดาอิมามของพวกเขานั้นคือผู้ที่สอนเตาฮีดแก่บรรดามะลาอิกะฮฺ พวกเขาได้รายงานถึงท่านร่อซูล(ซ.ล.) ท่านกล่าวแก่อลีว่า "....หลังจากที่พระองค์ทรงสร้างมะลาอิกะฮฺ ดังนั้นในขณะที่พวกเขาได้เห็นบรรดาวิญญานของเราที่เป็นรัศมีและ พวกเขาก็ให้ความสำคัญแก่เรื่องราวเกี่ยวกับเรา ดังนั้นอัลเลาะฮฺก็ให้เราทำการกล่าวตัสบีฮฺ เพื่อเราได้สอนแก่มวงมะลาอิกะฮฺว่า เรานั้นคือมัคโลค และพระองค์นั้นทรงบริสุทธิ์จากคุณลักษณะต่าง ๆของเรา ดังนั้นบรรดามะลาอิกะฮฺก็ได้ทำการกล่าวตัสบีฮฺอันเนื่องจากเราไ ด้กล่าวตัสบีฮฺและพระองค์ก็บริสุทธิ์จากคุณลักษณะต่างๆของเรา ... ดังนั้น ด้วยกับเรา พวกมะลาอิกะฮฺจึงได้รับทางนำไปยังการรู้จักการเตาฮีดของอัลเลาะ ฮฺ การตัสบีฮฺ การตะฮฺลีล และการตะหฺมีดต่อพระองค์" ดู อิลัล อัล-ชะรอเอี๊ยะ หน้า5
ภาพการประชุมสัมนาระหว่างอุลามะอฺลัทธิชีอะฮฺกับบาทหลวงยิว ในกรุงเบรุตประเทศเลบานอนในช่วงปลายทศวรรษที่ 19
รู้ไหมว่าลัทธิชีอะฮฺเผยแพร่ได้ด้วยเงิน แล้วถามว่าชีอะฮฺเอาเงินจากไหน ลำพังอิหร่านประเทศเดียวงบไม่พอแจกจ่ายหรอก ภาพเหล่านี้ยืนยันได้ชัดเจนว่าชีอะฮฺและอิหร่านรับเงินจากยิวที่คุมเศรษฐกิจโลกเพื่อการเผยแพร่ศาสนาของตน
เราจะร่วมมือกันน้า ยิวจ๋า!!!!
มิตรภาพระหว่างเราจะมีตราบจนวันตาย
อุลามะอฺชีอะฮิกับรับไบชาวยิว
กับยิวกับคริสต์เราคือพี่น้องกันนะ
การประชุมที่อิหร่านเมื่อปี 1997 โดยยิวมอบเงินให้อิหร่านในการเผยแพร่ลัทธิของตน
มีการนำสาวๆชาวยิว(สวยซะด้วย)มาร้องเพลงขับขานเอาใจอุลามะอฺชีอะฮฺด้วย ในภาพคนที่นั่งหันหลังคือ อิมามคอตามีของชีอะฮฺ (หมอนี้อีกแล้วทุกงานเลย กรุณากลับไปดูหัวข้อการมุตอะฮฺ)
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนยิว จะเกิดชาติไหนๆ ก็อากีดะฮฺเดียวกัน
ร่วมมือกันไว้
แหมๆๆ ไหนล่ะพ่อโคใช่มั๊ยนี่ ที่เคยประกาศกู่ก้องโลกว่าจะต่อสู้กับยิว จะขับไล่ยิวออกจากอิสราเอล ประชุมที่ภาพคุณพี่หราออกขนาดนั้น ยิวคงนับถือท่านมากสินะ
พ่อขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะพ่อชีอะฮฺ
ด้านหลังคือมัสยิดในอิหร่านกับชาวยิว
เฮ้ยพวกมึง รู้ไหมใครลูกพี่กู ภาพข้างหลังกูนี่ ลูกพี่ตัวจริงกู
เรารักนายนะยิว
เราก็รักนายนะชีอะฮฺ
จูบกันนะ รักที่สุดแล้ว
เมื่อสองผู้ยิ่งใหญ่จากสองลัทธิมาเจอกัน นี่เหรอโคไมนี่ของชีอะฮฺที่เคยประกาศตัวจะไล่ยิวออกจากแผ่นดินอาหรับ
ภาพนี้ชัดเจนเลย คนซ้ายคือผู้นำยิวสาขามุสกีโตนามว่า รับไบแคลมิน กับโคไมนี่ที่ชีอะฮฺภาคภูมิใจสะท้อนความเป็นมิตรภาพระหว่างชีอะฮฺกับยิวตราบจนวันตาย
แน่นอนเจ้าจะพบว่า หมู่ชนที่เป็นศัตรูอันรุนแรงแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธานั้นคือชาวยิว และบรรดาผู้ที่ให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์(*1*) และแน่นอนเจ้าจะพบว่า บรรดาผู้ที่มีความรักใคร่แก่บรรดาผู้ที่ศรัทธาใกล้กว่า(*2*) พวกเขา(*3*)นั้นคือ บรรดาผู้ที่กล่าวว่าแท้จริงพวกเราเป็นคริสต์ นั่นก็เพราะว่า ในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดานักปราชญ์ และบาดหลวงและก็เพราะว่าพวกเขาไม่เย่อหยิ่ง
(1) หมายถึงพวกมุชริก และพวกกาเฟรทั่ว ๆ ไปนอกเหนือจากพวกอะฮ์ลุลกิตาบ (2) คือใกล้กว่าพวกยิว และพวกมุชริก (3) คือใกล้กว่าพวกยิวและพวกมุชริก
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงอย่าได้ยึดเอาชาวยิวและชาวคริสต์เป็นมิตร บางส่วนของพวกเขาคือมิตรของอีกบางส่วน(*1*) และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเอาพวกเขามาเป็นมิตรแล้วไซร้ แน่นอนผู้นั้นก็เป็นคนหนึ่งในพวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่อธรรม
(1) คือยิวนั้นต่างรักใคร่ซึ่งกันและกัน และคริสต์เช่นเดียวกัน ในขณะเดียวกันทั้งหมดนั้นเป็นศัตรูของมุสลิมีน ด้วยเหตุนี้ถ้าคบพวกเขาเป็นมิตรแล้วพวกเขาก็ย่อมจะล่วงรู้ในความเร้นลับอขงฝ่ายมุสลิม แล้วรายงานให้พวกเขาทราบ และอีกประการหนึ่ง ยิวกับคริสต์นั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่ศรัทธาต่อนะบีของกันและกัน แต่พวกเขาก็ให้ความช่วยเหลือกันในการเป็นศัตรูกับมุสลิม ดังนั้นในสองพวกนี้จึงไม่เป็นที่ไว้วางใจแก่มุสลิมีนได้