วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

ในสังคมนิยมมุตอะฮฺก็งี้แหละ

เมื่อวันก่อนผมได้มีโอกาสพูดคุยกับรุ่นพี่มุสลิมะฮฺที่เคารพท่านหนึ่ง(ขอสงวนชื่อ) ซึ่งเธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่ม บะนาตุลฮูดา (เว็บไซต์บ้านมุสลิมะฮฺ) รุ่นพี่ท่านนี้เป็นคนที่อยู่ในหลักการของศาสนาและผ่านการทดสอบจากพระองค์อัลลอฮฺมามากมาย ตั้งแต่การถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะการยืนหยัดในการสวมใส่ฮิญาบ แต่บททดสอบประการสำคัญที่รุ่นพี่ท่านนี้ได้ประสบพอเจอล่าสุดและเล่นเอาผมละเหี่ยใจคละเคล้าไปด้วยความรู้สึกสมเพทใน "ไอ้ซกมกแอบจิต" ตัวนั้นก็คือ รุ่นพี่มุสลิมะฮฺท่านนี้ถูกชายหนุ่มผู้นับถือในมัสฮับรอฟิเดาะฮฺหรือลัทธิชีอะฮฺตามจีบอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่าจะเป็นมาเฝ้าหน้าที่ทำงาน ตามตื้อสืบข้อมูลมุสลิมะฮฺท่านนี้ จนถึงขนาดมาแอบถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย!!! เมื่อมุสลิมะฮฺท่านนี้ทำทีไม่สนใจ ไอ้ซกมกแอบจิตชีอะฮฺรายนี้ก็ถึงขั้นส่งภาพวาดของท่าน ฮุเซน(รอฎิฯ) ในแบบจิตนาการของชีอะฮฺก็คือ ประเภทแบบหัวขาดเลือดสาดกระจุยดังภาพด้านล่างนี้พร้อมกับบอกว่าถ้าไม่ตอบรับการเรียกร้อจะเป็นแบบนี้ ซึ่งน่าชมเชยรุ่นพี่มุสลิมะฮฺท่านนี้ที่หาได้เกรงกลัวคำขู่ของมันไม่

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่มุสลิมะฮฺท่านนี้เข้มแข็งพอและไม่ยอมโอนอ่อนไปกับคำขู่ ชายชีอะฮฺคนนี้ก็ได้เปลี่ยนท่าทีไปและได้ยื่นข้อเสนอที่ “กวนส้นตีน” คนรักอะฮฺลุลบัยตฺ ตัวจริง นั่นก็คือ จะขอเล่นมุตอะฮฺกับรุ่นพี่มุสลิมะฮฺของผม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!(การเล่นมุตอะฮฺหมายถึง การแต่งงานชั่วคราวที่กำหนดระยะเวลาไว้ เช่น วันเดียว หรือสองวัน ภายหลังระยะเวลาที่กำหนดได้หมดลงไปความเป็นสามีภรรยาก็สิ้นสุดด้วย) แถมยังสำรอกออกมาอย่างน่าเกลียดอีกว่าการเล่นมุตอะฮฺในครั้งนี้จะไม่มีพันธะใดๆติดตามมา อุแหม่ นี่เดี๋ยวนี้ชีอะฮฺมันอุตริถึงขนาดจะนำเอาวัฒนธรรมอันโสโครกของพวกมันมาปรับใช้กับมุสลิมะฮฺของเราแล้วรึนี่ แบบนี้มันต้องเขกกะบาลฝากไปยังลูกพี่มันที่สถานทูตอิหร่าน ตอลดจนนายซัยยิดปลอมคนนั้นด้วย ว่านี่หรือคำสอนของพวกมึง!!!เห็นมุสลิมะฮฺของเราเป็นแค่โสเภณีได้ไง !!

สำหรับผมแล้ว เรื่องดังกล่าวนี้แม้จะน่าเศร้าใจและชิงชังแค่ไหน แต่ผมก็เข้าใจว่าความกระเหี้ยนกระหือรือที่อยากจะเล่นมุตอะฮฺของชายชีอะฮฺซกมกแอบจิตคนนั้นกับมุสลิมะฮฺของเรา มันถูกกระตุ้นมาจากหลักคำสอนของชีอะฮฺที่ว่าการเล่นมุตอะฮฺได้ผลบุญมหาศาล ซึ่งจะขอยกตัวอย่างคำสอนดังกล่าวนั้นมาให้ดูกัน

قل النبي صلي الله عليه وسلم من تمتع مرة فد رجته كد رجة الحسين ومن تمتع مر تين فد رجته كد رجة الحسن ومن تمتع ثلاث مرات فدرجته كدرجة تاعلي ومن تمتع اربع مرات درجته كدرجتي
ผู้ใดก็ตามที่เล่นมุตอะฮฺจนสำเร็จแม้แค่ครั้งเดียว ตำแหน่งของเขาจะเท่าเทียมกับท่านฮุเซน และใครที่เล่นมุตอะฮฺสองครั้งตำแหน่งของเขาจะเท่าเทียมกับฮะซัน และเช่นนั้นแหละ บุคคลที่เล่นมุตอะฮฺสามครั้ง เขาได้ไปถึงตำแหน่งของท่านอะลี และใครก็ตามที่เล่นมุตอะฮฺครั้งที่สี่เขาย่อมไปถึงตำแหน่งของท่านนบี
อัลกาฟี เล่ม 2 หน้า 217 สำนักพิมพ์ ดารอัลกุฏฏุบ อัลอิสลามียะฮฺ เตหะราน
หากเรายังจำได้สักเมื่อสิบปีก่อน ทางรัฐบาลได้ประสบปัญหาทางด้านความสัมพันธ์กับสถานทูตอิหร่าน เพราะเรื่องมุตอะฮฺนี้เช่นกัน ปัญหาดังกล่าวนี้เริ่มมาจากชายชาวอิหร่านที่นิยมมาเที่ยวในประเทศไทย มักจะมาเล่นมุตอะฮฺฝากราคีไว้กับหญิงไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นอารมณ์หมายก็เผ่นกลับประเทศไป ทิ้งให้หญิงไทยนับร้อยต้องวุ่นเพราะลูกที่เกิดมาจากการเล่นมุตอะฮฺนั้นไม่มีพ่อ ลำบากเอารัฐบาลไทยต้องประสานกับทางสถานทูตอิหร่านกันจ้าละหวั่น
แต่เรื่องราวการเล่นมุตอะฮฺที่ดังกระโฉดไปทั่วโลก(และคงจะเป็นแบบอย่างแก่ชายชีอะฮฺทั่วโลกทุกคน) ก็คือการเล่นมุตอะฮฺของมหาบุรุษที่โลกชีอะฮฺยกย่อง บิดาของชาวชีอะฮฺและชายผู้ปฏิวัติอิหร่าน ใช่แล้ว มันคือ โคไมนี่!!!! และที่น่าทึ่งไปใหญ่ก็คือ การเล่นมุตอะฮฺของโคไมนี่นั้นทำกับเด็กน้อยอายุเพียง 6 ขวบเท่านั้น!!!(หรือบางกระแสบอกว่ามากกว่านั้นแต่ไม่เกิน 10 ขวบ)
ภาพของโคไมนี่ ผู้เล่นมุตอะฮฺกับเด็ก 6 ขวบ

สิ่งที่กล่าวมานี้หาใช่การใส่ร้ายใส่ไคล้แต่อย่างใดแต่เป็นเรื่องที่ถูกเปิดเผยจากคนสนิทของโคไมนี่เอง คือ ท่านอัซซัยยิด ฮุซัยนฺ อัลมูเซาวีย์ ผ่านหนังสือที่ท่านเขียนอุทิศไว้ก่อนตายคือ لله .. ثم للتاريخ (เพื่ออัลลอฮฺและเพื่อประวัติศาสตร์)
เรื่องราวดังกล่าวนั้นเริ่มขึ้นจาก พฤติกรรมอันต่ำช้าของโคไมนี่ซึ่งท่าน ซัยยิดฮุซัยนฺ อัลมูเซาวีย์ ได้เล่าไว้ว่า ทุกๆครั้งที่โคไมนี่จะไปเยี่ยมเยียนประชาชนชาวอิหร่านตามหมู่บ้านและชนบทต่างๆ ชาวอิหร่านมักจะนำเด็กสาวเอ๊าะๆ มาถวายแด่โคไมนี่ให้เล่นมุตอะฮฺ เพราะชาวอิหร่านเหล่านั้น หวังว่าเด็กที่เกิดขึ้นมาจะได้เป็นเชื้อสายของอิมาม!!! ซัยยิดฮุซัยนฺ อัลมูเซาวีย์ ได้เฝ้าอดทนต่อพฤติกรรมอันจัญไรนี้มาโดยตลอด จนกระทั่งวันเสียงปืนแตกมาถึง เมื่อโคไมนี่ได้ทำมุตอะฮฺกับเด็กหญิงอายุเพียง 6 ขวบ ซึ่งในวันนั้น ซัยยิดฮุซัยนฺ อัลมูเซาวีย์ ได้เฝ้าอยู่และนอนอยู่ห้องข้างๆของโคไมนี่ และได้ยินเสียงเด็กร้อง ตลอดทั้งคืน จนในที่สุดซัยยิดฮุซัยนฺ อัลมูเซาวีย์ จึงได้หนีออกจากสถานที่อันวิปริตเหล่านั้น และภายหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นท่านได้เขียนหนังสือ ชื่อ لله .. ثم للتاريخ (เพื่ออัลลอฮฺและเพื่อประวัติศาสตร์) ออกมาเพื่อแฉพฤติกรรมอันชั่วร้ายของโคไมนี่ตลอดจนเหตุการณ์การเล่นมุตอะฮฺกับเด็ก 6 ขวบครั้งนั้นเช่นกัน แต่ราวกับว่าหน้าที่ท่านเสร็จสิ้นลงแล้ว ภายหลังการเขียนหนังสือชิ้นประวัติศาสตร์นี้ ท่านซัยยิดฮุซัยนฺ อัลมูเซาวีย์ ก็ได้ถูกฆาตรกรรมอย่างลึกลับ และเป็นปริศนาดำมืดจนถึงทุกวันนี้ว่าใครฆ่า ? แต่แน่นอนสติปัญญาย่อมบอกได้ว่า ใครฆ่า? ก็จะใครอีกเล่าถ้าไม่ใช่คนที่เดือดร้อนเพราะการแฉเรื่องราวเหล่านี้

ภาพหน้าปกหนังสือดังกล่าว




ดาวน์โหลดหนังสือ لله .. ثم للتاريخ ได้จากลิงค์นี้ (เป็นภาษาอาหรับ)
http://www.fnoor.com/books/fn037.zip

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีเรื่องราวอันน่าอัปยศเหล่านี้ออกมาแล้ว ทางชีอะฮฺเองก็หาได้สำเนียกและคิดปรับปรุงไม่ มิหนำซ้ำตลาดการมุตอะฮฺยังคงเฟื่องฟูขึ้นมากในหมู่วัยรุ่นชาวชีอะฮฺ และวันนี้มันก็ได้ทะลักมาสู่ชีอะฮฺในสังคมไทยแล้วเช่นกัน ตลอดจนซุนนีสมองตื้นบางคนที่กระหายทางเพศก็เออออรับการเล่นมุตอะฮฺมาเช่นกันโดยทำใจคิดว่ามันเป็นข้ออนุมัติในอิสลาม ใครไม่เชื่อลองไปหอพักแถวหน้ารามดู จะพบการเล่นมุตอะอฺเยอะพอดู

อีกประการหนึ่ง ที่ผู้เขียนพบเห็นก็คือ ความหมกมุ่นของชีอะฮฺในการเล่นมุตอะฮฺ จนถึงขนาดทำเว็บเพื่อการมุตอะฮฺโดยเฉพาะเลยคือ http://www.mutah.com/ เล่นเอามึนไปตามๆกัน ในความเป็นจริงนั้นพฤติกรรมการเล่นมุตอะฮฺนั้นจะมีความแปลกประหลาดอยู่กับคนสองกลุ่ม ก็คือ ชาวคริสต์เตียนและชีอะฮฺ ในฟากชาวคริสต์เตียนนั้นมองการเล่นมุตอะฮฺว่าเป็นสิ่งต่ำช้าแลละพยายามโจมตีอิสลาม ว่าเป็นศาสนาที่สอนเรื่องมุตอะฮฺโดยชอบไปนำเอาหลักฐานจากฝ่ายชีอะฮฺมาทั้งๆที่ชาวคริสต์เตียนไม่เคยไปมองเลยว่าในไบเบิลเองต่างหากที่มีโองการเรื่องมุตอะฮฺอยู่ ในฟากของชีอะฮฺเองนั้นก็พยายามจะยัดเยียดเรื่องมุตอะฮฺใส่พี่น้องมุสลิมโดยอ้างว่ามีในอิสลาม ก็พอจะเห็นนะครับว่าสองพวกนี้เอื้อต่อกันในการทำลายอิสลามเยี่ยงไร

สุดท้ายขอจบบทความนี้ด้วยภาพลับสุดยอด ของอุลามะอฺชีอะฮฺกับพฤติกรรมอันผิดศีลธรรม ซึ่งเป็นผลมาจากคำสอนเรื่องมุตอะฮฺครับ

อุลามะอฺชีอะฮฺในอิหร่านกำลัง เจรจาขอมุตอะฮฺกับสาวอิหร่านอยู่




ในสังคมอิหร่าน จะมีสาวๆชีอะฮฺยืนตามที่ถนน(ดังภาพข้างล่าง)เพื่อให้ชายที่สนใจมาขอเล่นมุตอะฮฺด้วยและภายหลังการเล่นมุตอะฮฺเสร็จก็จะมีการจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทน ถามว่าต่างกับกะหรี่บ้านเราตรงไหน
(เล่นมุตอะฮฺกับคนไหนดีหว่า )



ซัยยิด อัลคอตามี อิมามและอดีตประธาณาธิบดีชาวอิหร่านกับความหัวงูของมัน สังเกตุแววตา เฒ่าหัวงูซะไม่มี ไม่รู้เล็งใครไว้ป่าว


โอ๊ะๆๆๆ แต๊ะอั๋งหล่าว ไอ้แก่เอ๊ย หวังจะเล่นมุตอะฮฺอีกแหงเลย ฝ่ายหญิงก็ระรื่นน่าดูหวังได้เชื้อสายอิมามมั้ง



กับเด็กยังไม่เว้น




โอ้ ท่านเราะฮฺบัต อะลี คอมาเนอี ผู้นำสูงสุดของโลกชีอะฮฺ ให้สาวๆมาจูบมือได้ไง


นี่คือ อะฮฺมัด นิญ็อด ประธานาธิบดีอิหร่าน แง่ง ปากบอกจะสู้กับอเมริกาแต่ลอกสันดานอเมริกามาเปี๊ยบ
อยู่กับสาวๆได้หน้าไม่อาย




ภาพของมุฮัมมัด บากิร ซ็อดรฺ อุลามะอฺชีอะฮฺในตำนานของอิรัค ดูผิวเผินน่าเกรงขาม แต่กรุณาดูภาพทางขวาเปรียบเทียบจะพบกับความเพลบอยอย่างเหลือเชื่อ(อยู่กับสาวแถมเปิดเอาเราะฮฺ)
Photobucket - Video and Image Hosting

ญะมีล บิน อัด-ดารีย์กล่าวว่า เขาได้สอบถามอิมามญะอฺฟัร อัศ-ศอดิกว่า มุตอะฮฺเป็นที่อนุมัติสำหรับหญิงพรหมจารีด้วยหรือไม่ อิมามพูดว่า “ไม่มีความผิดในเรื่องนี้ ตราบเท่าที่ผู้หญิงไม่เด็กจนเกินไปนัก”อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้รวบรวมหะดีษ(ฝ่ายชีอะฮฺ)ทั้งหมดมีความเห็นตรงกันว่าเด็กหญิงที่มีอายุ 9 ขวบไม่ถือว่าเป็นเด็กจนเกินไป จากหนังสือ ฟุรูอฺ อัล-กาฟีย์, เล่ม 2, หน้า 196


โอ้ๆๆๆๆๆ นี่ชัดเลย จากคำสอนข้างต้น กับเด็กยังดูดดื่มขนาดนี้




กลับใจเสียเถิดชีอะฮฺ

5 ความคิดเห็น:

  1. อัสลามุอลัยกุมฯ

    ดิฉันคือผู้ดูแลเวบบ้านมุสลิมะฮฺ และเกิดความสับสนจากงานเขียนของเจ้าของเวบค่ะ เข้าใจตามที่บทความ คนที่คุณอ้างถึงว่าดูแลเวบบ้านฯ และเป็นสมาชิกบะนาตฯ จริงๆ แล้วมีคนเดียวเท่านั้น เลยยิ่งทำให้งงงวยว่า ดิฉันคือคนที่คุณอ้างถึง แต่ไม่เคยได้รับรู้เรื่องเหล่านี้จากใครเลย

    เวบบ้านฯ และบะนาตฯ คนละหน่วย แต่เป็นเพื่อนรู้จักกัน

    ฉะนั้น ฝากตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนนำเสนอ

    เกรงว่าข้อเขียนที่พาดพิงของคุณจะสร้างความสับสนให้กับผู้ที่เข้ามาอ่าน และสร้างให้เกิดฟิตนะฮฺยังบุคคลอื่นด้วย

    ตอบลบ
  2. หากมีข้อสงสัยหรือต้องการชี้แจง ติดต่อที่ nafeezah.sp@gmail.com

    ตอบลบ
  3. อัซตัฆฟิรุ้ลลอฮ อะอูซุบิกะมินซาลิก
    อัซตัฆฟิรุ้ลลอฮ อะอูซุบิกะมินซาลิก
    อัซตัฆฟิรุ้ลลอฮ อะอูซุบิกะมินซาลิก


    ชั้นจะห่างไกลจากมันเทียบเท่าความเร็วของแสง

    ตอบลบ
  4. โลกเราไปถึงไหนแล้ว ยังมาบ้าเขียนโจมตีกันอยู่ได้ เรื่องภาพทั้งหมดไม่มีความจริงเลยสักเรื่อง มึงก็เห็นว่าเขาไม่จับมือกับผู้หญิง,สวนภาพอื่นเขาเดินผ่านมึงก็หาว่าเขากำลังเลือก,มึงเป็นมาลาอิกะห์ปล่าวถึงร่วงรู้คำพูดของเขา,สวนเรื่องอิหม่ามโคมัยนี่มึงใส่ร้ายท่านระยำจริงๆพวกมึง. กูขอถามหน่วย พวกมึงมีมากในโลกนี้แต่ไม่สามารถทำอะไรกับศรัสตรูอิสลามได้เลย, แต่พวกกูแม้งกลัวกันทั้งโลก จึงต้องหาเรื่องใส่ร้ายมาทำลายความบริสุทธิ์ของท่านเหล่านั้น.ไอ้ระยำเหมื่อนกับคอลีฟะฮ์อันชัวของพวกมึง ไปอยู่ในนรกกับพวกมันนะ จากชีอะ กทม.

    ตอบลบ
  5. และขอเตือนเจ้าของเว็บนะครับ ให้คุณรีบลบภาพและข้อความที่ชั่วร้ายนี่ออกไปให้เร็วที่สุด ไม่งั้นคุณต้องเจอกับบทลงโทษที่ยิ่งไหญ่ ทั้งจากพระผู้เป็นเจ้า และจากเรามนุษย์อย่างแน่นอน

    ตอบลบ